วิธีการทำลวดชุบกัลป์วาไนซ์จะนิยมทำอยู่ด้วยกัน 2 วิธี
- การชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (Hot-dip Galvanize) จะมีประสิทธิภาพในการทนการกัดกร่อนได้ดี แต่จะทำให้ตัวลวดมีราคาที่ค่อนข้างสูง
- การเคลือบด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize) จะมีประสิทธิภาพในการทนการกัดกร่อนได้น้อยกว่าแบบจุ่มร้อน แต่มีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่า และมักนิยมนำมาทำเป็นลวดตาข่ายในปัจจุบัน
เมื่อลวดเหล็กผ่านการเคลือบด้วยสังกะสีแล้วมักจะถูกเรียกว่า ลวดชุบกัลวาไนซ์ (Galvanized Wire)
คุณสมบัติ
ลวดชุบสังกะสี มีลักษณะเด่นหลักๆ คือ มีสีขาว แวววาว ผิวสวยงาม จึงทำให้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ลวดขาว นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ ป้องกันการขึ้นสนิม และ ทนทานการกัดกร่อนได้ด้วย
วิธีการผลิต
การผลิตลวดชุบสังกะสี จะทำการผลิตโดย การนำเหล็กไวร์รอท (Wire Rod) ไปผ่านกระบวนวิธีการรีดเย็น (COLD DRAWN) เพื่อลดขนาดลวด จนได้ขนาดลวดที่ต้องการ จากนั้นจะนำลวดที่ได้ ไปผ่านกระบวนการชุบเคลือบกัลวาไนซ์/ชุบสังกะสี (HOT – DIP Galvanize ,Eletro Galvanize) ต่อ เพื่อให้ลวดมีชั้นความหนาของแร่สังกะสีโดยประมาณ 40 – 80 g/m2 ซึ่งทำให้ “ลวดชุบกัลวาไนซ์(ลวดชุบสังกะสี)” ที่ออกมานั้น มีลักษณะผิวเรียบ มันวาว และป้องกันการเกิดสนิมที่ตัวลวดได้อีกด้วย.
นิยมนำไปใช้สำหรับงานต่อไปนี้
กรงสำหรับสัตว์เลี้ยง ลวดแขวนฝ้าเพดาน รั้วลวดตาข่าย เครื่องมืออุตสาหกรรมเกษตร ลวดรัดต้นยาง ลวดแขวนกระถางต้นไม้ ลวดแขวนกล้วยไม้ หูถัง โครงกระเป๋า